จังหวัดชลบุรี จัดงานวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

  

  

จังหวัดชลบุรี จัดงานวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฏาราชเจ้า

       วันที่ 31 มีนาคม 2567 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า จังหวัดชลบุรี ณ อาคารอเนกประสงค์วิทยาการ โรงเรียนชลกันยานุกูล อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

       ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2535 กำหนดให้วันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี เป็น "วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า" หรือ "วันเจษฎา" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน ในปี พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ถวายพระราชสมัญญาว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” แปลว่า "พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นใหญ่" ปี พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีมีมติถวายพระราชสมัญญาว่า พระบิดาแห่งการค้าไทย พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย และปี พ.ศ. 2558 ถวายพระราชสมัญญาว่า พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย     

         และในวันนี้ จังหวัดชลบุรี โดยนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวประภัสรา ศรีทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ,นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นำ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ตุลาการ อัยการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดชลบุรีทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมกันมาชุมนุม ณ มณฑลพิธีเพื่อแสดงความจงรักภักดี และแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ล้ำเลิศด้วยพระกฤษดาภินิหาร น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ที่ทรงปกแผ่พสกนิกรชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ราษฎรทั้งปวงยังคงรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอมหิทธานุภาพแห่งพระองค์ ทรงอภิรักษ์ชาติไทย และองค์พระผู้ทรงราไชศวรรย์ สืบเนื่องในมหาจักรีบรมราชวงศ์ ให้สถิตเสถียรสถาพรสืบกาลนาน ของพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอภิบาลบันดาลดล ให้พระบรมราชวงศ์และพสกนิกรแห่งราชอาณาจักรไทย สุขสวัสดิ์ พิพัฒน์มงคล โดยทั่วกัน

        พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงมีพระบรมราชคุณูปการแก่ประเทศ และประชาชนเป็นล้นพ้นสุดที่จะพรรณนาได้ เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น บ้านเมืองเริ่มเผชิญปัญหาด้านสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศในยุโรปและอเมริกา แต่ด้วยพระปรีชาญาณ อันสุขุมลึกซึ้ง ได้ทรงผ่อนปรนมิให้กระทบกระเทือน ทั้งผลประโยชน์ของประเทศ และสัมพันธไมตรีระหว่างกัน นโยบายหลักนี้เป็นแนวทางที่พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลต่อมาทรงยึดถือและเจริญรอยตาม ในส่วนความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองและประชาชนนั้น ได้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการเศรษฐกิจของประเทศในรัชสมัยมั่งคั่งมั่น คงยิ่งกว่ายุคใดๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์ทรงทำนุบำรุงการพาณิชย์นาวี ได้มีการติดต่อค้าขายกับนานาประเทศอย่างกว้างขวางรายได้หลั่งไหลเข้ามาเป็นงบประมาณบำรุงแผ่นดินเต็มที่ ข้าราชการได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดเงินเดือนเป็นครั้งแรก ทรงเพิ่มพูนรายได้ของประเทศด้วยการปรับปรุงระบบการเก็บภาษีอากรทั้งภาษีอากรเก่าและใหม่ สามารถเกื้อกูลการพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นผลให้ชาติไทยคงความเอกราชอยู่ได้ตราบจนปัจจุบัน

ปริญญา/ข่าว/ภาพ

Visitors: 209,910