ข่าวประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 1 - 15 กันยายน 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี

สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี

ระหว่างวันที่ 1 – 15 กันยายน 2565

********************************************************

ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีวิ่งควายจังหวัด ครั้งที่ 151

        จังหวัดชลบุรี ร่วมกับเทสบาลเมืองชลบุรี องค์การบริหารส่วนจัหงวัดชลบุรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีวิ่งควายจังหวักชลบุรี ครั้งที่ 151 “หนี่งเดียวในไทย หนึ่งเดียวในโลก” ระหว่างวันที่ 1 – 9 ตุลาคม 2565 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรี และสนามหน้างศาลากลางจังหวัดชลบุรี

        นายสุติกรณ์ จำเริญพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชลบุรี เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองชลบุรี กำหนดจัดงานประเพณีวิ่งควายจังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 151 ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 1 – 9 กันยายน 2565 โดยวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2565 เป็นวันวิ่งควาย (ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11) ทั้งนี้ได้รรับการสนับสนุนจากจังหวัดชลบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี การทอ่งทเยวแห่งปรเทศไทย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่ออนุรักษ์สืบสารประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นต่อไป

           สำหรับในปีนี้มีกิจกรรมที่สวยงาม ประทับใจและสนุกสนานไม่แพ้ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีพิธีเปิดงานในวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2565 โดยเริ่มที่ขบวนแห่เกวียนกัณฑ์ 13 กัณฑ์ตามเทศมหาชาติชาดก ขบวนคำขวัญของจังหวัดชลบุรี “ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย” โดบอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดชลบุรี และขบวนอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยจากหน่วยงานภาครัฐ สถานศึกษาและภาคเอกชนในจังหวัดชลบุรี ที่เป็นเอกลักษณ์และยิ่งใหญ่ ตระการตา

          และหลังจากพิธีเปิดงานเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเน้นเร้าใจ กับการแข่งขันวิ่งควาย จำนวน 5 ประกอบด้วย รุ่นซุปเปอร์จิ๋ว รุ่นจิ๋วพิเศษ รุ่นจิ๋วเล็ก รุ่นจิ๋วกลาง และรุ่นจิ๋วใหญ่ ที่ระทึกใจทุกรุ่นและทุกรอบของการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการประกวดสุขภาพควาย ประกวดควายพ่อพันธ์ แม่พันธ์ และควายเผือก  เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์ควายไทย การประกวดตกแต่งควายประเภทสวยงาม และตลอดขบขัน พิธีทำขวัญควาย สนุกสนานไปกับการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน เช่น ปีนเสาน้ำมัน ยิ่งเป้าด้วยหนักสติ๊ก ตะกร้อลอดห่วง ปริศนาคำทาย เป็นต้น

       นอกจากนี้มีด้านบนเวทีได้จัดการประกวดน้องนางบ้านนา และกิจกรรมที่เอาใจคุณป้า คุณยาย และคุณย่า ในการจัดการประกวดสาว (เหลือ) น้อยบ้านนา การประกวดนางฟ้าจำแลง การจำหน่ายสินค้า OTOP ของดีจังหวัดชลบุรีที่เลื่องชื่อ การจัดพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การประกวดเพ้นท์ความปูนปั้น วาดภาพระบายสี และสนุกสนานกับมหรสพต่างๆที่เปิดให้ชมปรีตลอดงาน ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID 19) ยังมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลเมืองชลบุรี ของความร่วมมือผู้เข้าชมงานรักษาการเว้นระยะห่างและสวมหน้ากาอนามัยในที่สาธารณะตลอดเวลา

ปริญญา/ข่าว

*********************************

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน "พายุ โนรู"

           นางสาวชมภารี ชมพูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า  เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (27 ก.ย. 2565) พายุไต้ฝุ่น “โนรู” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางออกไปทางทิศตะวันออกประมาณ 490 กิโลเมตร จากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 15.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 กันยายน 2565 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ โดยจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทยในวันที่ 29 กันยายน 2565 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งให้ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย

         สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้

วันที่ 28 กันยายน 2565

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดสกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

        ภาคกลาง: กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

       ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

       ภาคใต้: จังหวัด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ส่วนในวันที่ 29 กันยายน 2565

        ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

       ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

       ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

       ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูลส่วนในวันที่ 30 กันยายน 2565

        ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย ชัยภูมิ ขอนแก่น และนครราชสีมา

        ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

        ภาคตะวันออก: จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

        ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

        สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27 กันยายน - 1 ตุลาคม 2565

        จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ปริญญา/ข่าว

****************************************

ขอเชิญร่วมเสนอชื่อบุคคลหรือองค์กร เพื่อเข้ารับการคัดเลือกรางวัลดีเด่นด้านต่างๆ ในงาน "เทียนส่องใจ" เนื่องในวันเอดส์โลก ประจำปี 2565

        ดร.สายสม วงศษสุลักษณ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลดีเด่นฯ เปิดเผยว่า วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ ซึ่งได้คร่าชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้ไปกว่า 25 ล้านคนแล้วทั่วโลก

        สำหรับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้จัดงานเทียนส่องใจ วันเอดส์โลกขึ้น ในวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เพื่อสรรหา คัดเลือกบุคคล หรือองค์กรที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมในการทำงานด้านเอดส์ ทั้งการรณรงค์ ป้องกัน และดูแลรักษา ตลอดจนส่งเสริมการอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในครอบครัวและสังคม

        ในการนี้ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อเสนอรายชื่อบุคคล หรือองค์กรที่ทำงานด้านเอดส์อย่งต่อเนื่อง เพื่อเข้ารับการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิฯ ในการเข้ารับประทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ประกอบด้วยรางวัลฯ บุคคลดีเด่นด้านการแพทย์และสาธารณสุข บุคคลดีเด่นด้านสังคม สื่อสร้างสรรค์ดีเด่น สถานประกอบการดีเด่น สถานบันการศึกษาดีเด่น องคืการบริหารส่วนท้องถิ่นดีเด่น ครอบครัวดีเด่น และชมรมฯ หรือกลุ่มผู้ติดเชื้อดีเด่น ทั้งนี้ กรุณาส่งผลงาน พร้อมรูปภาพประกอบเพื่อการพิจารณาคัดเลือกฯ ภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2565 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ฝ่ายบริหารงานทั่วไป โทร 02 – 2516711 - 5 ต่อ 119

ปริญญา/ข่าว

********************************

สปส. ย้ำ “แรงงานภาคอิสระ” สนใจสมัครเป็นผู้ประกันตน ม.40 ง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง พร้อมชำระเงินสมทบผ่านทุกช่องทาง หรือ Application ได้ทันที ไม่เสียค่าธรรมเนียม

          นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ให้ความสำคัญแก่แรงงานภาคอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้มีหลักประกัน ที่มั่นคง แก่ทุกเพศทุกวัย โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีแต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ขึ้นทะเบียน เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้ พร้อมรับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เลือกได้ถึง 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท โดยสามารถสมัครง่ายๆ ด้วยตนเองผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) และเคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือสมัครผ่าน ผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบ ได้ทันที หรือเลือกชำระเงินสมทบผ่านช่องทางที่สะดวกผ่าน Mobile Application Shopee/ Shopee Pay หรือผู้สมัครผูกบัญชีเงินฝาก/ ibanking/ Mobile Banking/ wallet กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ และธนาคารออมสิน ฟรีค่าธรรมเนียมทุกช่องทาง ทั้งนี้ เมื่อผู้สมัครได้ชำระเงินสมทบแล้ว สามารถตรวจสอบใบเสร็จรับเงินได้ที่ https://www.sso.go.th/erc

          เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า การชำระเงินสมทบมาตรา 40 อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกๆ เดือน จะทำให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม อย่างครบถ้วนทุกกรณีอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

ปริญญา/ข่าว

*************************************

ครม. เห็นชอบลดอัตราเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตน ม.33 , 39 เริ่มเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2565 นี้

          นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นค่าแรงเฉลี่ย 5.02% และจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565

เป็นต้นไปนั้น กระทรวงแรงงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือนายจ้างผู้ประกอบการ และพี่น้องผู้ประกันตน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อน จากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของค่าครองชีพหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงแรงงาน จึงได้มีการเสนอมาตรการลดเงินสมทบทั้งฝ่ายนายจ้างและผู้ประกันตน โดยวันนี้ (20 กันยายน 2565) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือลดเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบ จากอัตราเดือนละ 432 บาท เหลือในอัตราเดือนละ 240 บาท โดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2565 สำหรับฝ่ายรัฐบาล ยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำว่า มาตรการลดเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตนในสถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสมทบที่ลดลง 576 – 900 บาทต่อคน รวมเป็นเงินที่ลดลงประมาณ 9,080 ล้านบาท ไปใช้ในการเพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น รวมถึงการแก้ปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตนทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังเป็นการช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้กับนายจ้าง เป็นจำนวนเงินกว่า 7,964 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เงินสมทบที่ลดลงมากกว่า 17,044 ล้านบาท จะกลายเป็นเม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจะได้เร่งดำเนินการเพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันภายในกำหนด จึงขอให้นายจ้าง และผู้ประกันตน มั่นใจในการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมภายใต้นโยบายของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี

ที่ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้ประกันตนให้ตรงจุดและทันท่วงที เนื่องจากปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้อง ผู้ใช้แรงงานเป็นเรื่องสำคัญ และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน

ปริญญา/ข่าว

***********************************

Visitors: 174,163