จังหวัดชลบุรีจัดงานพิธีวางพวงมาลาเนื่องใน วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี2567
จังหวัดชลบุรีจัดงานพิธีวางพวงมาลาเนื่องใน วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 จังหวัดชลบุรีจัดงานพิธีวางพวงมาลา ถวายราชสักการะวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดเมืองชลบุรี และได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระสงฆ์ 10 รูปโดยมีพระครูพิศาลประชานุกิจ เจ้าคณะอำเภอหนองใหญ่ เจ้าอาวาสวัดหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นวันรัฐพิธีและให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี แทนวันที่ 25 มกราคม โดยมีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และให้วันที่ 25 เมษายนของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สำหรับจังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวประภัสรา ศรีทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นำคณะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ศาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่า ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักระ วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แม้พระองค์ได้เสด็จสวรรคตมานานกว่า 416 ปีแล้วก็ตาม พสกนิกรไทยทั้งมวลต่างสำนึกในพรมหากรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ขับไล่อริราชศัตรูตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเป็นวีรกรรม ที่เลื่องลือปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ตราบจนทุกวันนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ มีพระอัจฉริยภาพ และฝีพระหัตถ์ในทางการรบ และเชี่ยวชาญในอาวุธทุกชนิด ทรงตรากตรำพระวรกายในการทำศึกสงคราม ตลอดพระชนม์ชีพขับไล่กองทัพพระยาจีนจันตุ จนแตกพ่ายไป ในปีพุทธศักราช 2124 ทรงแสดงแสนยานุภาพในการยกกองทัพเข้าตีเมืองคัง ที่ตั้งอยู่บนเขาสูง และได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย จนถึงปีพุทธศักราช 2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ว่าตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรกันดังแต่ก่อนต่อไป
ในปีพุทธศักราช 2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาอิสรภาพที่เมืองแครงว่า “ตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี มิได้เป็นมิตรกันดังแต่ก่อนต่อไป” การกระทำเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการประกาศอิสรภาพของไทย หลังจากประกาศอิสรภาพแล้วก็ได้กรีฑาทัพเข้าสู่ชานเมืองหงสาวดี และรวบรวมคนไทยกลับมาได้ อีกทั้งยังสามารถใช้พระแสงปีนยาวยิงข้ามแม่น้ำสะโตงถูกแม่ทัพของพม่าที่ติดตามมาซึ่งนั่งอยู่บนคอช้างจนเสียชีวิต ทำให้ทัพพม่าถอยกลับไป และพระแสงปืนที่ทรงใช้ในวันนั้นได้ปรากฏนามว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธที่จัดอยู่ในพระแสงอัษฏาวุธอันเป็นเครื่องราชูปโภคสำหรับพระมหากษัตริย์สืบมาจนบัดนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีที่เกรียงไกรไปทั่วปฐพี คือในวันที่ 18 มกราคม ปีพุทธศักราช 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาจนได้รับชัยชนะทำให้พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาลไปทั่วปฐพี ในปีพุทธศักราช 2148 พระเจ้าอังวะมีอำนาจขึ้น กำลังขยายอาณาเขตเข้ามาทางแคว้นไทยใหญ่ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปยังเมืองห้างหลวง และประชวรหนักจนเสด็จสวรรคต เมื่อขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 15 ปี ทำให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณของพระองค์ท่านตลอดไป
ปริญญา/ข่าว/ภาพ