ข่าวประชาสัมพันธ์ 15 - 31 มกราคม 2566

ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี

สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี

ระหว่างวันที่ 15 - 31 มกราคม 2566

*****************************************************

ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลตรุษจีน และงานนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ อำเภอเกาะสีชัง

           นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า งานนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ ของอำเภอเกาะสีชัง ประจำปี 2566 ในปีนี้ เริ่มตั้งแต่ วันที่ 22 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ขอกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่พอสังเขปคือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่แห่งนี้ มีชาวจีนจากโพ้นทะเล ได้บันทึกเอาไว้ว่า  ประมาณปี พุทธศักราช 2426 พ่อค้าชาวจีน ได้มาจอดเรือทอดสมออยู่บริเวณหน้าเกาะสีชัง  ได้เห็นแสงไฟอยู่บนเขา จึงได้ปีนขึ้นไปดู และได้พบกับหินย้อยในลักษณะเหมือนศรีษะคน ตามตำราจีน ได้บอกไว้ว่า เป็นลักษณะหินรูปเจ้าพ่อ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่ในถ้ำกลางทะเล หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งชาวจีนโบราณเชื่อกันว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองเหล่าบรรดาพ่อค้า ประชาชนชาวจีน ต่างเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า และแห่เข้ากราบไหว้บูชากันจำนวนมาก โดยมีความเชื่อกันว่า ถ้าได้มาไหว้ติดต่อกัน 3 ปี จะทำให้กิจการรุ่งเรือง ทำมาค้าขายคล่องตัว  ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และสมปรารถนาในสิ่งที่ร้องขอ

          สำหรับเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชังแห่งนี้นั้น ได้ขยายไปถึงต่างแดน มีทั้ง ชาวจีน ชาวมาเลเซีย ชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ทราบข่าวต่างแห่กันเดินทางมาสักการะ เจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง แห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี

         ขอเชิญชวน นักท่องเที่ยว และ พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ได้เดินทางมาท่องเที่ยว เกาะสีชัง ชลบุรี และกราบสักการะ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ขอพรเพื่อการค้า หน้าที่การงาน และเพื่อความเป็นศิริมงคลกับชีวิตอีกด้วย

ปริญญา/ข่าว

***********************************

จังหวัดชลบุรี เตรียมพร้อมการป้องกันอุบัติภัยทางทะเลช่วงเทศกาลนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่

         นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่ราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรี เตรียมพร้อมการป้องกันอุบัติภัยทางทะเลช่วงเทศกาลนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดยจังหวัดชลบุรี ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานด้วยกัน อาทิ ตำรวจน้ำ ตำรวจ สภ.เกาะสีชัง และทางเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ได้ตั้งจุดอำนวยการร่วมกัน บริเวณท่าเรือเกาะลอยศรีราชา และท่าเรือเกาะสีชัง โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยให้ความสะดวกกับนักท่องเที่ยว ตลอดระยะเวลาการเดินทาง รวมถึงมีการตรวจสอบผู้ขับเรือ ว่ามีใบอนุญาตขับเรือถูกต้องหรือไม่ มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับเรืออย่างเคร่งครัด รวมถึงการตรวจสอบผู้โดยสารด้วยเช่นกัน ต้องสวมใส่เสื้อชูชีพทุกคน ก่อนที่เรือจะถูกปล่อยให้ออกจากท่าในทุกครั้ง และการเดินทางโดยเรือโดยสารข้ามฟากในปีนี้ เมื่อขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือเกาะลอย ศรีราชา มายังเกาะสีชัง ซึ่งโดยปกติ จะขึ้นฝั่งเกาะสีชังที่ท่าล่าง แต่ในปีนี้ ใน ช่วงเทศกาลตรุษจีน ได้มีการกำหนด ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป เปลี่ยนให้ไปขึ้นที่ท่าบนแทน สำหรับเวลาเดินเรือโดยสารนี้นั้น จะยึดเวลาเดิมคือ ตั้งแต่ เวลา 06.00 น. - 18.00 น. ไม่มีการเดินเรือโดยสารในเวลากลางคืน เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน

ปริญญา/ข่าว

***************************************

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สร้างสีสัน จัดกิจกรรมส่งความสุข มอบความรักให้สัตว์ป่า ในวันวาเลนไทน์

         วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมต้อนรับวันแห่งความรัก Valentine’s day มอบความรักให้กับสัตว์ป่า ด้วยการมอบอาหารที่สัตว์แต่ละชนิดชื่นชอบ เนื่องในวันแห่งความรัก ซึ่งทางสวนสัตว์ได้ทำการตกแต่งสถานที่ภายในส่วนแสดงสัตว์ให้เต็มไปด้วยดอกไม้ และบรรยากาศให้เข้ากับวันวาเลนไทน์ พร้อมกับให้คู่รัก ครอบครัว เพื่อนสนิท ได้ถ่ายภาพ กับซุ้มหัวใจและดอกไม้ที่จัดขึ้นอย่างสวยงาม

            นายเทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เปิดเผยว่า ในเทศกาลวันแห่งความรัก สวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้ส่งมอบความรักให้กับสัตว์ป่า ด้วยการให้อาหารที่สัตว์แต่ละชนิดชื่นชอบ เช่น หนอนในหลอดแก้วที่ตกแต่งด้วยลวดลายหัวใจของเมียร์แคท  หวานเย็นขาหมูรูปหัวใจให้สิงโตขาว ผลไม้ที่มีสีแดง เช่นชมพู่และแตงโม ตัดแต่งเป็นรูปหัวใจประดับบนกิ่งไม้ของน้องลีเมอร์ ลูกบอลหรรษาสีแดงของเสือโคร่งอินโดจีน และวงหญ้ารูปหัวใจให้กับแรดขาว ทั้งนี้ยังเป็นการช่วยส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์ (Enrichment) กระตุ้นพฤติกรรมตามธรรมชาติ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ อีกด้วย เพื่อให้รับรู้ว่า สวนสัตว์เปิดเขาเขียวก็แสดงความรัก ความอบอุ่นให้กับสัตว์ป่าด้วยเช่นกัน โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 13 – 14 กุมภาพันธ์ นี้ สอบถามเพิ่มเติมโทร 038-318-444

ปริญญา/ข่าว

*******************************

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ด้วยกิจกรรม "จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง"

       กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พัทยา เปิดเผยว่า สวนนงนุช ได้จัดกิจกรรมในเทศกาลวันวาเลนไทน์เป็นประจำทุกปี โดยการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ณ บริเวณกลางสวนลอยฟ้า โดยเปิดรับสมัครคู่รักชาวไทยและต่างชาติ "เข้าร่วมกิจกรรมแห่ขันหมากบนหลังช้างสุดตระการตา" ซึ่งในปีนี้มีคอนเซ๊ปท์ว่า เติมไอรัก...ให้เต็มสวน

        สำหรับคู่รักที่ร่วมจดทะเบียนฟรีตลอดงาน เช่น จดทะเบียนบนหลังช้าง พร้อมรับของที่ระลึกภายในงาน ผู้สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 หรือสามารถติดต่อลงทะเบียนหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 081 – 7813884 และ 081 – 9192153 หรือhttps://m.me/Garden.Nongnooch

ปริญญา/ข่าว

************************************

เมืองพัทยา จัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติรายการ “2023 ILCA Master World Championships"

       นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยา ร่วมกับสมาคมสโมสรราชวรุณในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดจัดการแข่งขันเรือใบนานาชาติ รายการ “2023 ILCA Master World Championships" ระหว่างวันที่ 8 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ชายหาดสมาคมสโมสรราชวรุณในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพระตำหนัก ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

         สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างและพัฒนานักกีฬาเรือใบไทยสู่ความเป็นเลิศในระดับเอเชียและระดับโลก รวมถึงการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยในการจัดกีฬาระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาในการเป็นเมืองกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ

       ขอเชิญผู้สนใจเข้าชมและเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาได้ตามวันและเวลาดังกล่าว

ปริญญา/ข่าว

************************************

จุฬาฯ วิจัยเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อนก่อนสูญพันธุ์ สร้างสมดุลระบบนิเวศใต้ทะเล

           สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ขยายพันธุ์และเลี้ยงปะการังอ่อนด้วยระบบการทำฟาร์มบนบกและในทะเล เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งที่เสื่อมโทรมในประเทศไทย รวมทั้งมุ่งหวังพัฒนาให้เป็นสัตว์ทะเลเศรษฐกิจประเภทสวยงามชนิดใหม่สำหรับธุรกิจปลาตู้น้ำทะเลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ปะการังอ่อนยังมีประโยชน์ทางการ แพทย์อีกด้วย มีรายงานว่าปะการังอ่อนบางชนิดเมื่อนำมาสกัดแล้วจะได้สารบางชนิดที่ยังยั้งเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยขั้นต่อยอดโดยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ เกี่ยวกับองค์ประกอบทางชีวเคมีในปะการังอ่อนทั้งสามชนิดคือ ปะการังอ่อนหนังดอกเห็ด ปะการังอ่อนนิ้วมือ และปะการังอ่อนนิ้วมือสีดำ

           ผศ.ดร.นิลนาจ ชัยธนาวิสุทธิ์ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของการศึกษาวิจัยการขยายพันธุ์ปะการังอ่อนเพื่อใช้ประโยชน์เชิงการค้าและการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของไทย มีที่มาจากการที่ปะการังอ่อนทุกชนิดเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย ห้ามเก็บจากทะเล ห้ามซื้อขาย และห้ามมีไว้ครอบครอง ความสวยงามของปะการังอ่อนส่งผลต่อความต้องการของธุรกิจปลาตู้น้ำทะเลสวยงามและบ่อเลี้ยงสัตว์ทะเล ทำให้มีการลักลอบเก็บปะการังอ่อนจากทะเล รวมทั้งมีการนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้จากงานวิจัยยังพบว่าแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีประชากรปะการังอ่อนทุกชนิดน้อยมากทั้งในแง่ความหลากหลายและความหนาแน่น ”ปัจจุบันจำนวนของปะการังอ่อนลดลงในทุกพื้นที่ หากไม่ทำอะไรเลย แนวโน้มที่ปะการังอ่อน จะสูญพันธุ์ก็ใกล้เข้ามาทุกที หากเราสามารถเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อนได้จะช่วยให้มีพันธุ์ปะการังอ่อนและขยายพันธุ์คืนสู่ธรรมชาติได้”

          สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ ได้รับอนุญาตจากกรมประมงให้นำปะการังอ่อนที่พบที่เกาะ  สีชังมาใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ขณะนี้ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อน 3 ชนิด คือ ปะการังอ่อนหนังดอกเห็ด ปะการังอ่อนนิ้วมือ และปะการังอ่อนนิ้วมือสีดำ โดยสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ ทั้งนี้ การเพาะขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศ ได้นำพ่อแม่พันธุ์ปะการังอ่อนจากทะเลมาเพาะเลี้ยงในบ่อและกระตุ้นให้มีการปล่อยไข่และสเปิร์มเพื่อนำมาผสมพันธุ์ จากนั้นเพาะเลี้ยงอนุบาลจนเป็นตัวอ่อนและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพบว่าปะการังอ่อนทั้งสามชนิดเจริญเติบโตได้ดี

           สำหรับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศหรือการแตกหน่อ ผศ.ดร.นิลนาจเผยว่า ทีมวิจัยได้ใช้เทคนิคพิเศษในการตัดเนื้อเยื่อจากพ่อแม่พันธุ์ชิ้นเล็กที่สุดเพียง 0.5 - 1 ซม. และนำชิ้นเนื้อมาเลี้ยงในบ่อ เป็นการเลี้ยงในลักษณะฟาร์มบนบก โดยมีการควบคุมปัจจัยสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งพบว่าชิ้นเนื้อปะการังดังกล่าวสามารถเจริญเติบโตจนมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 - 5 ซม. ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ปะการังอ่อนจะเจริญเติบโตได้เร็วกว่าปะการังแข็ง เนื่องจากไม่ต้องสร้างโครงสร้างหินปูนภายใน ถือเป็นความสำเร็จของทีมวิจัยที่พัฒนาเทคนิคการตัดชิ้นเนื้อปะการังอ่อนมาเพาะเลี้ยงต่อได้โดยที่พ่อแม่พันธุ์ไม่ตาย ที่สำคัญคือเมื่อชิ้นเนื้อของปะการังอ่อนในพ่อแม่พันธุ์ที่ถูกตัดไปเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ ก็สามารถตัดเพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์ได้อีก

           “จากปัญหาโลกร้อนซึ่งทำให้เกิดปัญหาปะการังฟอกขาว ปะการังอ่อนจะมีสาหร่ายตัวหนึ่งที่อยู่ในเนื้อเยื่อซึ่งสามารถสังเคราะห์แสงได้ อาหารหรือพลังงานทั้งหมดประมาณ 80% ของปะการังอ่อนได้จาก   การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายตัวนี้ ดังนั้นถ้าเราขยายพันธุ์หรือฟื้นฟูปการังอ่อนในทะเลให้มีจำนวนมาก จะมีส่วนช่วยเรื่องของโลกร้อน สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำและในอากาศได้” ผศ.ดร.นิลนาจ กล่าว

          ผศ.ดร.นิลนาจ กล่าวย้ำว่างานวิจัยทางด้านปะการังอ่อนจำเป็นต้องใช้ความรู้ในหลายศาสตร์มาบูรณาการร่วมกัน ศูนย์เรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเลเกาะสีชังโดยชุมชนเพื่อชุมชนยั่งยืนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีการทำฟาร์มต้นแบบการขยายพันธุ์ปะการังอ่อนแบบการทำฟาร์มบนบก พร้อมทั้งเปิดโอกาสแก่นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยว และภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขยายพันธุ์ปะการังอ่อน ที่ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีอีกด้วย

ปริญญา/ข่าว

***************************************

สปส.พร้อมส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 เร่งขับเคลื่อนนโยบายปี 66 พัฒนางานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตนได้ประโยชน์สูงสุด

          นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ ที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ 2566 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พี่น้อง ผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จำนวน 4 ชิ้น และได้เริ่มดำเนินการแล้วในขณะนี้ คือ

          ชิ้นที่ 1 ให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ย ไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตน ในเรื่องของการมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยสำนักงานประกันสังคม ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด จากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. “โครงการสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน” วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 เท่ากับ 1.99% ต่อปี

          ชิ้นที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมให้เข้าถึงการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด สำนักงานประกันสังคม ได้พัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพ การเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค โดยร่วมกับสถานพยาบาลที่บันทึกข้อตกลงร่วมมือการให้บริการ จำนวน 10 แห่ง แบ่งตามกลุ่มบริการ 1. การผ่าตัดมะเร็งเต้านม 2. ผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูก 3. ผ่าตัดนิ่วในไตและถุงน้ำดี 4. หัตถการโรคหลอดเลือดสมอง 5. หัตถการโรคหัวใจและหลอดเลือด

          ทั้งนี้ เมื่อดำเนินโครงการแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะต้องมีการติดตามและประเมินผลเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการบริการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผู้ประกันตนต่อไป

          ชิ้นที่ 3 ฟรี ค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการนำร่องใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร ซึ่งได้มีการ Kickoff โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์ ในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนเชิงรุก โดยร่วมมือกับสถานประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่ และสถานพยาบาลในพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการตรวจสุขภาพ โดยใช้โมเดลเชิงรุก ดังนี้ 1.เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ 2.แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่ยงสูง ปานกลาง และน้อย 3.โรงพยาบาลนัดหมายประเมิน เรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคลระยะเวลา 6 เดือน 4.ติดตามผลระบบ Telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม

          เป้าหมาย ผู้ประกันตน 300,000 คน ได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะนำไปสู่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย

          ชิ้นที่ 4 ลดเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามค่าประสบการณ์ของนายจ้าง สำนักงานประกันสังคม ได้แก้ไขประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราส่วนการสูญเสีย ลงวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้มีเพดานขั้นสูงของอัตราส่วนการสูญเสียอยู่ที่ 200 ส่งผลให้นายจ้างที่ถูกเรียกเก็บเงินสมทบตามอัตราค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากอัตราเงินสมทบ ในปีที่ผ่านมา จ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาเพียงไม่เกิน 3 ปี จากเดิมที่ไม่มีการกำหนดเพดานขั้นสูงของอัตราส่วนการสูญเสีย และการเรียกเก็บเงินสมทบตามค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ดังกล่าวมีระยะเวลาสูงสุดถึง 22 ปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว (การแก้ไขหลักเกณฑ์ส่งผลให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบลดลง และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 229.22 ล้านบาท)

ปริญญา/ข่าว

**********************************************

ประกันสังคม มีนโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2566

          นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวถึงนโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของสำนักงานประกันสังคมที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ดังนี้  

         ด้านการพัฒนางานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตน

          สร้างการรับรู้ โดยการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร สาระความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เพื่อเข้าถึงนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน ซึ่งปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมได้นำ Social Media เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับสำนักงานประกันสังคมได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้รับบริการ เน้นการปรับเปลี่ยนราชการสู่ความเป็นดิจิทัล โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนและผู้ใช้แรงงาน อย่างโปร่งใส เข้าถึงง่าย รวดเร็ว แม่นยำ ลดความซ้ำซ้อน และสามารถเชื่อมโยงการบริการของหน่วยงานรัฐได้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อพี่น้องประชาชน การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้มีความทันสมัย คล่องตัว โปร่งใส มีธรรมาภิบาล ซึ่งในปี 2565 สำนักงานประกันสังคมได้ผ่านผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ได้คะแนน 90.24 อยู่ในระดับ A สร้างองค์กรที่เป็นสุขต้องสร้างความสมดุลให้ชีวิตทั้งการงาน ครอบครัว และสุขภาพ โดยการรักษาสมดุลในการบริหารงานและชีวิต Work Life Balance เปลี่ยนจากการทำงานหนัก บริหารชีวิตให้เหมาะสม รวมทั้งการปรับภาพลักษณ์องค์กรให้มีความทันสมัย และรักษามาตรฐานการให้บริการตามมาตรฐานการให้บริการ ของศูนย์ราชการสะดวก (GECC) และให้บริการกับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ให้ได้รับความสะดวกสูงสุด โดยยึดหลักพี่น้องประชาชน และผู้ใช้แรงงานเป็นศูนย์กลาง

          ด้านการขับเคลื่อนงานตามภารกิจสำคัญ

          การขยายความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตนในทุกมาตรา โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ออกหน่วยเคลื่อนที่บริการเบ็ดเสร็จ (Service Delivery Unit) การรักษาอัตราการจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง สร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ผ่านกลไกเครือข่าย บวร และ “ครอบครัวประกันสังคม” ทั่วประเทศให้ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการเข้าสู่ระบบประกันสังคม และจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยแต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล (ไป-กลับ) เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีทุพพลภาพสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 จ่ายประโยชน์ทดแทนเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีติดเชื้อโควิด 19 แก่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ กรณีบำนาญชราภาพของผู้ประกันตน ขยายอายุการรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรของผู้ประกันตน การติดตามเร่งรัดหนี้ เช่น เร่งรัดหนี้เงินสมทบ (ติดตามนายจ้าง) ปรับปรุงแนวปฏิบัติ และกระบวนการติดตามเร่งรัดหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การจ่ายประโยชน์ทดแทนเกินสิทธิ (ติดตามผู้ประกันตน) กำหนดตัวชี้วัดรายจังหวัด การพัฒนาระบบสารสนเทศ ติดตั้งระบบเบิกจ่ายประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง พัฒนาระบบการจัดการข้อมูลให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พัฒนาระบบบริการ ทางการแพทย์ พร้อมการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พัฒนาการสื่อสาร สร้างการรับรู้ เรื่องการประกันสังคม และภาพลักษณ์องค์กรที่ตรงใจ กระชับ ฉับไว เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

          เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า ผม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม พร้อมที่จะดำเนินการขับเคลื่อนงานประกันสังคมภายใต้แผนปฏิบัติราชการสำนักงานประกันสังคม ในระยะ 5 ปี (2566-2570) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ให้ได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรแห่งความเชื่อมั่น ด้านการให้บริการประกันสังคมที่ทันสมัย” สามารถสร้างหลักประกัน ทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัย ทุกเพศภาวะ และทุกกลุ่มนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศต่อไป”

ปริญญา/ข่าว

*********************************

Visitors: 172,674