ข่าวประชาสัมพันธ์ 15 - 31 มีนาคม 2567

ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี 1 – 15 มีนาคม 2567

ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี

สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี 1 – 15 มีนาคม 2567

************************************************************

ชลบุรี จัดงานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ ฯ และงานสงกรานต์จังหวัดชลบุรีฉลองครบรอบ 92 ปี อย่างยิ่งใหญ่

           นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์ จังหวัดชลบุรี งานประจำปี จังหวัดชลบุรี นั้น ได้เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2475 ภายหลังจากคณะราษฎร์ได้ยึดอำนาจการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่างาน "ฉลองสันติภาพ" ซึ่งจัดขึ้นโดยสโมสรคณะราษฎร์ประจำจังหวัดชลบุรีเพื่อร่วมกันชื่นชมยินดี ที่บ้าน เมืองเข้าสู่ความเป็นปกติสุขภายหลังจากมีการก่อเหตุความวุ่นวายภายในบ้านเมืองอันนำไปสู่การเปลี่ยน แปลงการปกครอง  "งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์ จังหวัดชลบุรี" ประจำปี 2567 ครั้งที่ 92 ว่า “งานสงกรานต์ชลบุรี ประเพณีของคนเมืองชล” จังหวัดกำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 19 รวม 9 วัน 9 คืน ณ บริเวณหอพระพุทธสิหิงค์ฯ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี และบริเวณใกล้ เคียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นสร้างความสุขให้กับประชาชนและเพื่อจัดหารายได้ไปทำนุบำรุงและสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งเพื่อให้เหล่ากาชาด จังหวัดชลบุรีได้มีรายได้ไปช่วยเหลือสังคมใน จังหวัดชลบุรี นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีอีกด้วย

           สำหรับการจัดงานภายในปีนี้ ได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ พระคู่บ้านคู่เมืองชลบุรี การทำบุญ-สรงน้ำพระ การออกร้านของอำเภอ 11 อำเภอ การจัดแสดงนิทรรศ การโบราณวัตถุและศิลปวัฒนธรรมไทย การจัดริ้วขบวนแห่ฉลองสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ การประกวดนางสงกรานต์ การแข่งขันกีฬาไทยและกีฬาพื้นเมือง ประกอบด้วย การแข่งขันศิลปะมวยไทย การแข่งขัเซปักตระกร้อ และตระกร้อลอดบ่วง การจำหน่ายสินค้าOTOP และสินค้าราคาถูกจากโรงงานอุตสาหกรรม การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งมหรสพไทย-จีน อาทิ ภาพยนตร์จอยักษ์ ลิเก งิ้ว การแสดงคอนเสิร์ตศิลปินดังทุกคืน

         และที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ การร่วมทำบุญสร้างกุศลภายในร้านมัจฉาการกุศล จังหวัดชลบุรี กับการตักมัจฉาลุ้นรับรางวัลใหญ่ออกทุกคืน อาทิ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน ตู้เย็น โทรทัศน์สี เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า พัดลมตั้งโต๊ะและตั้งพื้น เป็นต้น สำหรับร้านมัจฉากาชาดได้นำของรางวัลมาแบ่งเท่ากันทุกชิ้น และนำลงในอ่างตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นประจำทุกวัน และภายในงานได้จัดถนนสร้างฝัน สีสันวัฒนธรรม โดยใช้ถนนสายตำหนักน้ำ บริเวณถนนสายหลักศาลากลางจังหวัดชลบุรี ตลอดทั้งเส้นทาง จัดกิจกรรม ดังนี้ การแสดงของนักเรียนนักศึกษา เช่น การแสดงบีบอย ละครใบ้ โชว์การแสดงดนตรี โชว์เปลี่ยนหน้ากาก เป็นต้น การจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ต่างๆ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และการจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ นอกจากนี้งานประจำปีในปีนี้เวทีกลาง ได้จัดไว้บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยมีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินดารามากมาย โดยในคืนวันที่ 11 เมษายน 2567 เป็นการประกวดเทพีสงกรานต์

           ขอเชิญชวนประชาชนชาวชลบุรีและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ร่วมงาน “นมัส การพระพุทธสิหิงค์ฯ และงานสงกรานต์ จังหวัดชลบุรี" ประจำปี 2567 ครั้งที่ 92 และนมัสการพระพุทธสิหิงค์ฯ พระคู่บ้านคู่เมืองชลบุรี เพื่อความเป็นศิริมงคลและต้อนรับปีใหม่ไทยโดยพร้อมเพรียงกัน

ปริญญา/ข่าว

***********************************************

ชลบุรี จัดการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567

           นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีวันหยุดติด ต่อกันหลายวัน เป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ประกรอบกับจังหวัดชลบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้ประชาชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำเพิ่มมากขึ้น     

           จังหวัดชลบุรี ได้มีแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำช่วงเทศกาลสง กรานต์ขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสง กรานต์ ปี 2567 ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์อำนวยการฯ และได้มีการตั้งจุดตรวจจุดบริการในพื้นที่ 11 อำเภอ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งจากถนน ยานพาหนะ และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกและความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนแก่ผู้ใช้ถนน โดยคำนึกถึงความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุทางถนนอีกด้วย

          นอกจากนี้ ได้กำชับให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงาน ประชุมชี้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มพลังมวลชนในสังกัด ให้รักษาวินัยและปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนต่อไป

ปริญญา/ข่าว

*************************************

วัฒนธรรม ชลบุรี จัดการดำเนินการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ระดับจังหวัด ประจำปี 2567

          นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ด้วยกระทรวงวัฒนธรรม จะดำเนินการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี 2567 เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและมอบโล่เชิดชูเกียรติ “วัฒนคุณาธร” แก่เด็กหรือเยาวชน บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ที่มีผล งานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการยอมรับในการสนับสนุน ส่งเสริมการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ หรือสร้างนวัตกรรมทางวัฒนธรรม ที่เป็นประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกฯ จะได้รับโล่เชิดชูเกียรติ “วัฒนคุณาธร” จากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวัฒนธรรมในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมหรือวันที่กระทรวงวัฒนธรรมกำหนด

          ในการนี้ จังหวัดชลบุรี ขอความร่วมมือเสนอรายชื่อเด็ก เยาวชน บุคคล นิติบุคคล หรือคณะบุคคล เข้ารับการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ระดับจังหวัด ประจำปี 2567 โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภทเด็กหรือเยาวชน จำนวน 1 ราย 2. ประเภทบุคคล จำนวน 1 ราย และ3. ประ เภทนิติบุคคล หรือคณะบุคคล จำนวน 1 องค์กร/คณะบุคคล

        ผู้สนใจสามารถ ส่งผลงานและหลักฐานที่เกี่ยวข้องพร้อมภาพประกอบ คนละ/คณะละ 2 ชุด (ต้นฉบับ จำนวน 1 ชุด และสำเนา จำนวน 1 ชุด) ไฟล์ผลงานในรูปแบบไฟล์ Word และ PDF และไฟล์ภาพหน้าตรงครึ่งตัว หรือภาพ สำนักงาน/อาคาร/ป้าย รายละ/แห่งละ 1 ภาพ โดยต้องเป็นไฟล์ภาพนาม สกุล JPEG หรือ TIFF เท่านั้น และ มีขนาดมากกว่า 9 MB ขึ้นไป ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี ภายในวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2567

         ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ www.m-culture.go.th/chonburi/ข่าวประชาสัมพันธ์ สำหรับอำเภอให้แจ้งเทศบาลเมือง, เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่

ปริญญา/ข่าว

******************************

จัดหางาน เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น

          นายภูวกร โตสิงห์ขร จัดหางานจังหวัดชลบุรี ด้วยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และองค์กรพัฒนาแรงงานระดับนานาชาติ ประเทศญี่ปุ่น (Intemational Manpower Development Organization, Japan : IM Japan หรือเรียกโดยย่อว่า IM ประเทศญี่ปุ่น) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจในการดำเนินการจัดส่งผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานเทคนิคในสถาน ประกอบการของประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสถานประกอบการและการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคให้กับผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทย

      สำหรับคุณลักษณะอาชีพและประเภทงาน และจำนวนผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคที่ต้องการในแต่ละรุ่นตามความประสงค์ ของสถานประกอบการต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการรับผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิค อาทิ งานหล่อกลึงโลหะ งานพ่นสี งานปั๊มขึ้นรูปโลหะ งานหล่อพลาสติก งานทำขนมปัง และงานบริการ เป็นต้น จำนวน 50 คน

           ผู้สนใจสามารถสมัครด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์ http://toea.doe.go.th ลงทะ เบียนระบบอิเล็กทรอนิกส์ กรแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน ดูรายการสมัครไปทำงานโดยรัฐ จัดส่งไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น โดยรับสมัครระหว่างวันที่ 1 – 3 เมษายน 2567 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ ผู้สมัคร ยค่าธรรมเนียมหรือค่าสมัครใดๆ ทั้งสิ้น หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายจัดส่งไปทำงานประเทศญี่ปุ่น กลุ่มงานบริหารการไปทำงานต่างประเทศโดยรัฐ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ อาคารสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหา นคร พื้นที่ 3 ชั้น 12 ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กทม. โทรศัพท์ 02 2245 9428 เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas

ปริญญา/ข่าว

*******************************

ตลอดเดือนเมษายนนี้ ที่เมืองพัทยามีกิจกรรมดีๆ Pattaya City Your Everyday Destination

          นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยา ได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีดังนี้ เริ่มที่ วันที่ 2-3 เม.ย.67 งานโครงการอนุรักษ์มรดกไทย (THAI CULTURE HERITAGE PRESERVATION) ณ ชายหาดพัทยากลาง @Central Pattaya Beach

ต่อด้วยในวันที่ 5-7 เม.ย.67 การแข่งขันเทนนิสชายหาดนานาชาติเมืองพัทยา ประจําปี 2567 PATTAYA INTERNATIONAL BEACH TENNIS 2024 ณ ชายหาดจอมเทียน @Jomtien Beach

       จากนั้นในวันที่ 18 เม.ย.67 งานประเพณีวันไหลนาเกลือ ประจำปี 2567 (WAN LAI NAKLUA 2024) ณ ลานโพธิ์นาเกลือ @Lan Pho Nakluaและวันที่ 19 เม.ย.67 งานประเพณีวันไหลพัทยา ประจำปี 2567 (WAN LAI PATTAYA 2024) ณ วัดชัยมงคล (พระอารามหลวง) ชายหาดพัทยา @Chaimongkol Royal Temple / Pattaya Beach

         ส่วนในวันที่ 19-24 เม.ย.67 การแข่งขันปัญจกีฬา ประจําปี 2567 (SOUTHEAST ASIA CHAMPIONSHIPS 2024, THAILAND) ณ ชายหาดจอมเทียน @Jomtien Beach

         วันที่ 20 เม ย.67 งานประเพณีกองข้าวเมืองพัทยา ประจําปี 2567 (KONG-KHAW PATTAYA 2024) ณ สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ และวัดหนองใหญ่ @Lan Pho Naklua Public Park & Nongyai Temple

       วันที่ 25-28 เม.ย.67 งานมหกรรมเทศกาลกัญชาเพื่อการแพทย์นานาชาติ ครั้งที่ 3 (THE 3rd CISW MEDCANN FESTIVAL INTERNATIONAL-CMCF) ณ ชั้น 1 ลานกิจกรรม ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา @Central Beach Pattaya

         วันที่ 26-28 เม.ย.67 การแข่งขันกีฬาคอร์ฟบอลชายหาดชิงแชมป์โลก (IKF WORLD BEACH KORFBALL CHAMPIONSHIP 2024) ณ ชายหาดจอมเทียน@Jomtien Beach

        และวันที่ 30 เม.ย.-19 พ.ค.67 เทศกาลประติมากรรมทรายนานาชาติ 2567 (INTERNATIONAL SAND SCULPTURE FESTIVAL 2024) ณ เลเจนด์สยาม @Legend Siam

         ขอเชิญร่วมกิจกรรมดีๆ ที่เมืองพัทยา ตลอดเดือนเมษายนนี้ #พัทยามาได้ทุกวันท่านสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ PRPATTAYA หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Pattaya Contact Center 1337 ตลอด 24 ชม.

ปริญญา/ข่าว/ภาพ

********************************************

กรมควบคุมโรค จับมือสมาคมปราบวัณโรคฯ และเครือข่าย จัดกิจกรรมรณรงค์ “ยุติวัณโรค เราทำได้” เนื่องในวันวัณโรคสากล ประจำปี 2567 มุ่งเป้าให้เมืองไทยปลอดวัณโรค ภายในปี พ.ศ. 2578

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยกองวัณโรค จับมือกับ สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมสถาบันโรคทรวงอก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และบริษัทฟูจิฟิล์ม จัดกิจกรรมรณรงค์ “ยุติวัณโรค เราทำได้” เนื่องในวันวัณโรคสากล ประจำปี 2567 โดยเร่งรัดค้นหาผู้ป่วยวัณโรค และวัณโรคระยะแฝง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการรักษาตามมาตรฐานแนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทย มุ่งสู่เป้าหมายตามยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค  (End TB Strategy) ในปี พ.ศ. 2578

          วันนี้ (21 มีนาคม 2567) ณ สมาคมปราบวัณโรคฯ พหลโยธิน กรุงเทพมหานคร ศาสตราจารย์เกียรติยศ นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการกลาง สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อรรถ นานา นายกกรรมการบริหารสมาคมปราบวัณโรคฯ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ผู้อำนวยการกองวัณโรค ผู้แทนสถาบันโรคทรวงอก ผู้แทนสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายแห่งการยุติวัณโรคทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ยุติวัณโรค เราทำได้” เนื่องในวันวัณโรคสากล ประจำปี 2567

          ศาสตราจารย์เกียรติยศ นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการกลาง สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานในพิธี กล่าวว่า วัณโรคยังคงเป็นโรคติดต่อที่เป็นนักฆ่าที่อันตราย โดยในแต่ละวันจะมีคนเสียชีวิตจากวัณโรคกว่า 4,000 คน และเกือบ 30,000 คน ล้มป่วยด้วยวัณโรคในทุกๆ วัน ส่วนประเทศไทย ปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการณ์ว่า มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ 111,000 รายต่อปี และมีการเสียชีวิตเนื่องจากวัณโรคกว่า 12,000 รายต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทั้งที่โรคนี้สามารถป้องกันและรักษาได้

          ศาสตราจารย์เกียรติยศ นายแพทย์สงคราม กล่าวต่อ ในนามสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ตระหนักถึงปัญหานี้มาโดยตลอด และได้สืบสานงานด้านยุติวัณโรคตามพระราชปณิธาน ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ในภารกิจการดำเนิน งานต่อต้านวัณโรค โดยสนับสนุนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข และองค์กรอื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกันในการรักษา ควบคุม ป้องกัน และกำจัดวัณโรคให้หมดไป โดยสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีวิธีการปฏิบัติที่ตั้งไว้ คือ 1) ส่งเสริมและ สนับสนุนกิจการตรวจวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยวัณโรค  2) ร่วมมือในด้านสาธารณสุขป้องกันและควบคุมวัณโรค 3) ร่วมมือในการวิจัยเรื่องวัณโรค และเผยแพร่ความรู้เรื่องวัณโรคให้แก่กลุ่มสหวิชาชีพต่างๆ 4) ส่งเสริมและสนับสนุนการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ การสุขศึกษา ความรอบรู้เรื่องวัณโรคให้แก่ประชาชน และ 5) ปฏิบัติการอื่นๆ อันจะพึงบังเกิดคุณประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

          ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อรรถ นานา นายกกรรมการบริหารสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า วันที่ 24 มีนาคม ของทุกปีเป็น วันวัณโรคโลก (World TB Day) องค์การอนามัยโลกกับสหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้เราช่วยกันรณรงค์ร่วมกันต่อต้านวัณโรค และย้ำเตือนให้ประชากรทั่วโลกตระหนักว่าวัณโรคยังคงระบาดอยู่ทั่วโลก และทุกๆ ปี สมาคมปราบวัณโรคฯ จะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันวัณโรคสากลขึ้นสำหรับปี 2567 นี้ สมาคมปราบวัณโรคฯ และกองวัณโรค กรมควบคุมโรค สถาบันโรคทรวงอก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และบริษัทฟูจิฟิล์ม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “ยุติวัณโรค เราทำได้” เนื่องในวันวัณโรคสากล ประจำปี 2567 ขึ้น ในวันที่ 21 มีนาคม 2567 นี้ ณ โรงพยาบาลประสานมิตรสมาคมปราบวัณโรคฯ ถ.พหลโยธิน กรุงเทพฯ โดยมีกิจกรรมบริการเอกซเรย์ โดยรถเอกซเรย์ดิจิทัลเคลื่อนที่ และ Ultra-portable X-ray พร้อมวิเคราะห์ผลด้วยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ AI ตรวจเสมหะ ด้วยเทคนิคทางโมเลกุล ระดับอนูชีววิทยา (Xpert MTB/RIF assay) ตรวจสุขภาพต่างๆ ได้แก่ ตรวจสมรรถภาพปอด ตรวจวัดดัชนีมวลกาย (BMI) วัดความดันโลหิต และบริการให้ความรู้เรื่องวัณโรคให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และประชาชนผู้สนใจ

          แพทย์หญิงผลิน กมลวันท์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค และอุปนายกสมาคมปราบวัณโรคฯ กล่าวว่า แม้วงการแพทย์และสาธารณสุขทั่วโลกมีความพยายามที่จะยุติวัณโรค ด้วยการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถดำเนินการไปตามเป้าหมาย เนื่องด้วยผู้ป่วยวัณโรคไม่สามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองและการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้น การเร่งตรวจหาผู้ป่วยวัณโรคเพื่อเข้าสู่การรักษาโดยเร็ว จึงถือเป็นมาตรการสำคัญที่ใช้ต่อสู้กับปัญหาวัณโรคในไทย โดยเน้นการตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มเสี่ยง ด้วยวิธีเอกซเรย์ปอดเพื่อคัดกรองเบื้องต้น หากพบความผิดปกติที่สงสัยว่าจะนำไปสู่การเป็นวัณโรค ก็จะถูกส่งตรวจเสมหะเพื่อยืนยันผลอีก ซึ่งปัจจุบันด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า จึงมีการคิดค้นเพื่อเป็นอุปกรณ์และเครื่องมือในการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพขึ้น เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบพกพา FDR Xair เป็นกล้องขนาดเล็ก กะทัดรัด ช่วยให้การทำงานของทีมแพทย์มีความคล่องตัว รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มเสี่ยง โดยทำงานร่วมกับระบบประมวลผล AI ตอบโจทย์ระบบการคัดกรองผู้ป่วยเชิงรุก ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจลง และอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองวัณโรคมากขึ้น

          นายแพทย์ไกรสร โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการกองวัณโรค กล่าวปิดท้าย กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค โดยกองวัณโรค เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายยุติวัณโรคของประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค (End TB Strategy) ในปี พ.ศ. 2578 โดยจะเน้น 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1) เร่งรัดการค้นหาและวินิจฉัย ผู้วัณโรคและผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา  2) ยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคและผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา  3) เร่งรัดวินิจฉัยและรักษาวัณโรคระยะแฝง  4) เสริมสร้างความเข้มแข็งระบบสนับสนุนการดำเนินงานวัณโรค และ  5) ขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมด้านวัณโรค ทั้งหมดนี้เราสามารถทำได้ นำมาซึ่งความหวัง และต่อยอดความสำเร็จ แต่ถึงอย่างไรอัตราการเกิดวัณโรคของประเทศไทยก็ยังไม่ลดน้อยลงเลย ดังนั้นเพื่อยุติปัญหาวัณโรคของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายการยุติวัณโรคของแผนปฏิบัติการระดับชาตินั้น พวกเราภาคีเครือข่าย หน่วยงานทุกภาคส่วน ทุกระดับ ทั้งภายในกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ภาคมหาวิทยาลัยต่างๆ องค์กรเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป รวมไปถึงสื่อมวลชน ต้องร่วมมือกันทุกวิถีทาง เพื่อยุติวัณโรค อันจะนำไปสู่จุดมุ่งหมายอันสูงสุด (Vision) คือ TB-Free Thailand For TB-Free World “เมืองไทยปลอดวัณโรค เพื่อโลกปลอดวัณโรค” ต่อไป ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทร 0 2212 2279 เพจ Facebook กองวัณโรค หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ปริญญา/ข่าว

*************************************

กรมควบคุมโรค แนะผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และ กลุ่มโรคตาอักเสบ ใน กทม. และปริมณฑล หลีกเลี่ยงออกจากบ้าน

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หลังประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลได้กลิ่นเหม็นไหม้ และพบว่ามีหมอกควันปกคลุมหลายพื้นที่ ค่าฝุ่นยังคงเกินค่ามาตรฐานในระดับสีแดง โดยเฉพาะผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และ กลุ่มโรคตาอักเสบ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะมีอาการผิดปกติเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไป พร้อมแนะวิธีป้องกันตนเองเบื้องต้น ให้ตรวจเช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้าน และสวมหน้ากากชนิดที่ป้องกันฝุ่นได้

         นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประชาชนจำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้กลิ่นเหม็นไหม้ และพบว่ามีหมอกควันปกคลุมในหลายพื้นที่ นั้น จากข้อมูลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนัก งานการวิจัยแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 23.00 - 06.00 น. ของวันที่ 20-21 มีนาคม 2567 พบ 39 พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงภาคกลาง มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ โดยพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงสุด คือ เขตลาดกระบัง 195.6 มคก./ลบ.ม. รองลงมา คือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 138.8 มคก./ลบ.ม. เขตวังทองหลาง 130.0 มคก./ลบ.ม. เขตจตุจักรและเขตลาดพร้าว 117.2 มคก./ลบ.ม. เขตธนบุรี 113.7 มคก./ลบ.ม. เขตหลักสี่ 110.9 มคก./ลบ.ม. เขตดอนเมือง 110.3 มคก./ลบ.ม. อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 101.1 มคก./ลบ.ม. สถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองคอ ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก   ใจสั่น ระคายเคืองตา หรือเป็นผื่นคันตามร่างกาย และผู้ที่สัมผัสฝุ่นอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะมีอาการผิดปกติเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไป

         นายแพทย์วีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังสถานการณ์การเจ็บป่วยที่อาจเกี่ยวเนื่องจากการได้รับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็กใน 4 กลุ่มโรคดังกล่าว พบว่าระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 20 มีนาคม 2567 อัตราป่วยทั้งหมด 977 รายต่อประชากรแสนคน โดยอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 493 ราย ต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือ กลุ่มโรคตาอักเสบ 395 รายต่อประชากรแสนคน กลุ่มโรคทางเดินหายใจ 12 รายต่อประชากรแสนคน และโรคหัวใจและหลอดเลือด 4 รายต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป อัตราป่วย 4,564 รายต่อประชากรแสนคน  รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 50-59 ปี อัตราป่วย 3,230 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 50-54 ปี อัตราป่วย 2,528 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 45-49 ปี อัตราป่วย 1,952 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 40-44 ปี อัตราป่วย 1,497 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 5-9 ปี อัตราป่วย 1,415 รายต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ

         ทั้งนี้ ในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน ขอให้ประชาชน 1.ปิดบ้านให้มิดชิด โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้ป่วยพักอาศัยอยู่ เพื่อป้องกันฝุ่น 2.เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้านให้ตรวจเช็กค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน air4thai หรือ “เช็คฝุ่น” หากค่าฝุ่นเกิน 37.5 mg/m3 ให้สวมหน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่นและใช้เวลาอยู่ภายนอกสั้นๆ ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 3.หากค่าฝุ่นมากกว่า 75.0 mg/m3 ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ไม่ควรออกจากบ้านเพราะมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงขึ้น 4.หากประชาชนมีอาการผิดปกติ ให้รีบกลับเข้าสู่ที่พักที่ปลอดฝุ่น และรีบปรึกษาแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

ปริญญา/ข่าว

************************************

Visitors: 177,420